กรมศุลกากร ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ ตรวจยึดงาช้างฯ


กรมศุลกากร ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน)ตรวจยึดงาช้างจำนวน 3 กิ่ง 31 ท่อน น้ำหนักกว่า148กิโลกกรัมลักลอบนำเข้าจากกรุงลากอน ประเทศไนจีเรีย มูลค่า ประมาณ 15,000,000 บาท ตามที่นายกุลิศ สมบัติศิริ
อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ ศูนย์กากร เพิ่มความเข้มงวด ในการป้องกันและปราบปราม ลักลอบค้าสัคว์ป่าและชากของสัตว์ป่าซี่งลักลอบนำเข้า ส่งออกหรือนำผ่าน โดยผิดกฎหมายเพื่อป้องกันมิให้กลุ่มองค์กร อาชญากรรม ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการ ก่ออาชญากรรมที่ผิดกฎหมาย ในการนี้จึงได้มอบหมาย ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร สำนักงานสืบสวนและปราบปรามและด่านศุลกากร ทุกแห่ง เพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษ ในการสกัดกั้นสืบสวน  และปราบปราม ขบวนการลักลอบ ค้าสัตว์ป่าและชากสัตว์ป่า ข้ามชาติที่นำเข้า หรือนำผ่าน ราชอาณาจักรท่าอากาศยาน ได้สั่งการให้นายชัยยุทธ คำกคุณ รองอธิบดี รักษาการ ที่ปรึกษา ด้านพัฒนา ระบบการควบคุม ทางศุลกากรนายสรศักดิ์ มีนะโตรี รองอธิบดี  นายวรวุฒิ วิบุลย์ศิริชัยผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนและ ปราบปราม นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ผู้อำนวยการ สำนักงาน ศุลกากร ตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมินายพร้อมชาย สนิทวงค์ ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการสืบสวน และปราบปราม นายเดชา วิชัยดิษฐผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 3 และนายเขาวน์ ตะกรุดเงิน ผู้ อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร ดำเนินการวางแผนจับกุม กลุ่ม ขบวนการลักลอบ ค้าสัตว์ป่า และชากสัตว์ ป่าข้ามชาติ ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืชและบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด(มหาชน )ทำการสืบสวนโดยใช้กฎหมาย เครื่องมือของแต่ละหน่วยงานเพื่อสกัดกั้นและดำเนินการกับกลุ่มขบวน การค้างาช้าง ให้สำเร็จ ตามแผนปฏิบัติการ งาช้างแห่งประเทศไทย (วันที่ 12 มกราคม 2561)เวลา11.00 น.นายชัยยุทธคำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการที่ปรึกษาด้าน พัฒนาระบบการควบคุมทางศุลกากรพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี สายปฏิบัติ การ 1ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดงาช้างจำนวน  3 กิ่ง 31 ท่อนน้ำหนัก  148  กิโลกรัม ดังนี้
จากการประมวลข้อมูลของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร พบว่า ขบวนการค้างาช้างมักจะลักลอบนำงาช้างมาจากประเทศในทวีปแอฟริกาหรือแอฟริกาใต้และใช้วิธีการสำแดงชนิดสินค้า ที่เห็นได้ว่าเป็นสินค้าประจำถิ่น ในประเทศเหล่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึง เฝ้าระวังและตรวจสินค้าที่มีต้นทาง จากประเทศกลุ่มเสี่ยง อย่างเข้มงวด

โดยเมื่อ วันที่ 20 ธันวาคม 2560 เจ้าหน้าที่ศุลกากร สำนัก สืบสวนและปราบปราม และสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตรวจสอบ ข้อมูลบัญชีสินค้าทางท่าอากาศยาน ( 24 ธค.60 เวลา 08.00 น.พบข้อมูลการนำเข้า ที่มีความเสี่ยงใน การลักลอบค้าสัตว์ป่า และพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ นำเข้ามาทางสายการบินเอธิโอเปียเที่ยวบินที่ ET 618 ขนส่งจาก ต้นทางอากาศยานมูตาลามูฮัมเหม็ด(Murhata Muhammed lntemationat Airport)กรุงลากอส ประเทศไนจีเรีย ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย สำแดงชนิด สินค้าเป็น Generat Goods (สินค้าทั่วไป)จำนวน 3 หีบห่อ น้ำหนักรวมประมาณ175 กิโลกรัม ซี่งการกระทำ ดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ.2560 พระราชบัญญัติ สงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม ตามพระราชบัญญัติ สงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า(ฉบับที่ 3)พ.ศ.2557 พระราชบัญญัติ โรคระบาดสัตว์พ.ศ.2558 และกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ ได้ยึดงาช้างทั้งหมดไว้เป็นของกลาง ส่วนสำนวนคดี ส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการ ปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(บก.ปทส.) เพื่อดำเนินการตาม กฎหมายและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น