ชปส.บก.น.1 และ
กก.สส.บก.น.1
แถลงจับกุมยาเสพติด ไอซ์ 22 กิโล ยาบ้า 401,800เม็ด
31 มค 6 1 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโทชาญเทพ เสสะเวช
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ บก.น.1
ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 7ราย ในคดี
ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ยาบ้าและยาไอซ์ พร้อม อาวุธปืนและเครื่องกระสุน
ที่ไม่มีทะเบียน(อาวุธสงคราม) โดย
รายละเอียดของกลาง มีจำนวน 6 รายการดังนี้
1.ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน
น้ำหนักประมาณ 22
กิโลกรัม(ผู้ต้องหา 6-7)
2. ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน
น้ำหนักประมาณ 510 กรัม
3. ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีนแบ่งปัน
107มัด และ 939ถุง
รวมเป็นจำนวนประมาณ 401,800 เม็ด
(ผู้ต้องหา 6-7)
4.ยาบ้าหรือเมทเอมเฟตามีน
จำนวน 20 เม็ด
5. อาวุธปืนสงคราม
ak 47, M16 คาบิ้นจำนวน 3
กระบอก(ผู้ต้องหาที่ 6,7)
6. เครื่องกระสุน
อาวุธปืนสงครามจำนวน 137
นัด(ผู้ต้องหาที่6,7)
7. ตรวจยึดรถเก๋งยี่ห้อ
Honda CRV สีแดงทะเบียน วณ 4320 กทม จำนวน1คัน(ผู้ต้องหาที่ 6,7)
7. โทรศัพท์มือถือจำนวน
3 เครื่อง ใช้ ติดต่อในการกระทำความผิด(ผู้ต้องหาที่6,7)
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้สืบทราบว่า มีการ
ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ในพื้นที่ย่านออเงิน เขตสายไหม กทม. โดยทางเจ้าหน้าที่
ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบผู้ต้องหาที่ 1 จับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้า 20 เม็ด จึงทำให้
แจ้ง ข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า metamphetamine ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
และได้มีการซัดทอดว่าได้ซื้อยาบ้ามาจากผู้ต้องหาที่ 3 และที่ 4
จึงทำให้ชุดจับกุมขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 3 และที่ 4
ในฐานความผิดร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1
โดยจับกุมได้พร้อมของกลางยาไอซ์ 510 กรัม
ทำให้เจ้าหน้าที่ จับกุมในฐานความผิด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ซึ่งขณะจับกุมผู้ต้องหารายนี้
ได้พบผู้ต้องหาที่ 3 และที่ 2 อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน โดยผู้ต้องหาที่ 2 ให้การรับสารภาพ ว่าเป็นผู้ตรวจสอบเงิน จากลูกค้าที่สั่งซื้อยาเสพติด
จึงทำให้เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนขยายผล จนกระทั่งพบว่า ต้องหาที่ 3 และที่ 4
และให้การซัดทอดว่าได้ซื้อยาไอซ์มาจากผู้ต้องหาที่ 6 และที่ 7 โดยจับกุมผู้ต้องหารายที่ 1 ถึงรายที่ 5 ได้ที่บริเวณห้องเช่าไม่มีเลขที่ 9 ซอยจัดสรร 2 แยก 4
แขวงออเงินเขตสายไหม กทม. ส่วนผู้ต้องหา ที่ 6 และที่ 7 จับกุมได้ภายในห้องพักเลขที่ a102
อยู่เย็นแมนชั่น ตำบลคูคตอำเภอลำลูกกาจังหวัดปทุมธานี
พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการให้
พฐ.ตรวจสอบว่าปืนเหล่านี้ได้เคยผ่านการใช้งานหรือไม่
และโดยปกติแล้วปืนนี้ไม่มีหลักฐานการครอบครอง จากผู้ขาย
แต่ปืนนี้มีไว้ใช้คุ้มกันการจำหน่ายสิ่งผิดกฎหมาย
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ (ผู้ต้องหาที่6,7)ว่ายาไอซ์ดั่งกล่าวเป็นของตนจริงมีไว้ เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วไป
และจากการขยายผลผู้ต้องหาที่ 6
รับว่าก่อนเกิดเหตุ ตนมีหน้าที่ขับรถขนลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนไทย-ลาว จ.หนองคาย
ไปยังพื้นที่ จ.สงขลา โดยมี นาย ก.
และนาย ข เป็นผู้ควบคุม
โดยตนได้รับค่าจ้างในการขนส่งลำเลียงยาเสพติดครั้งละประมาณ 80000 บาท และเคยกระทำความมาแล้ว 8 ถึง 9 ครั้ง
ตนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ในครั้งนี้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จึง แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 จับกุมในฐานความผิดมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
และผู้ต้องหาที่ 2 อยู่ระหว่าง
ดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดี สวนผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 จับกุมในฐานความผิดข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาไอซ์หรือเมท แอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
และผู้ต้องหาที่ 5
อยู่ระหว่างการดำเนินการ ติดตามตัวมาดำเนินคดีเช่นกั
สวนผู้ต้องหาที่ 6 และ 7 ถูกจับกุม ในฐานความผิดข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาไอซ์และยาบ้า methamphetamine
ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
จึงถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Pawat Chi-oei รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น